“ร่ม” ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ทุกคนรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะใช้เป็นอุปกรณ์สำหรับกันฝนแล้ว หลายคนยังเลือกเอาเก็บไว้ในกระเป๋าเป้ หรือ กระเป๋าสะพาย เพื่อให้หยิบมาใช้งานในวันที่แดดแรงได้ง่ายๆ และสมัยนี้ก็ไม่ใช่แค่สาวๆ เท่านั้นที่พกร่มไว้ป้องกันแดด แต่คุณผู้ชายทั้งหลายเองก็พกติดตัวไว้เช่นกัน เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าบ้านเรานั้นแดดแรงขึ้นทุกวัน ทำให้ปัจจุบันมีการผลิตร่มออกมาให้เลือกมากมายหลายชนิดหลากรูปแบบมากขึ้น
ชนิดร่มของโรงงานร่ม
สำหรับชนิดของร่มที่เป็นนิยมและเหมาะสำหรับการพกติดตัวเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันหรือใช้ในระหว่างการท่องเที่ยว คือ ร่มพับ ซึ่งเป็นร่มขนาดเล็กที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้พกพาได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น พับเก็บใส่ใจในกระเป๋าได้โดยไม่เปลื้องที่ในการจัดเก็บ และมีน้ำหนักเบากว่าร่มแบบอื่นๆ รูปแบบที่นิยมคือ ร่มสองตอน และ ร่มสามตอน โดยคำว่า “ตอน” ในที่นี้หมายถึงจำนวนก้านที่สามารถหดตัวให้มีขนาดสั้นลงได้ ดังนั้น ร่มพับสองตอนจึงหมายถึงร่มที่มีหนึ่งข้อต่อ หดลงได้หนึ่งครั้ง ความยาวจะลดลงเหลือครึ่งหนึ่งของความยาวร่ม ในขณะที่ร่มพับสามตอน หมายถึงร่มที่มีสองข้อ ก้านสามารถหดลงมาได้สองครั้งเมื่อต้องการเก็บ ซึ่งหากมองเผินๆ หลายคนอาจมองว่า ร่มสองตอน และ ร่มสามตอนนั้นเหมือนกัน แต่ในความจริงแล้วทั้งสองรูปแบบนั้นมีความแตกต่างกัน 2 อย่าง
ความแตกต่างของร่มพับสองตอนและสามตอน
ความแตกต่างอย่างแรก คือ เรื่องของขนาดเมื่อพับเก็บ ร่มสองตอนและร่มสามตอนซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นร่มที่มีขนาดเล็ก ปกติเมื่อดันออกจนสุดจะมีความยาวพอๆ กันที่ประมาณ 22 – 24 นิ้ว (หรือประมาณที่ 55 – 60 เซนติเมตร) โดยขนาด 22 นิ้วคือขนาดเล็กที่สุดที่บริษัท รับทำร่ม สามารถผลิตได้ แต่ขนาดยอดนิยมที่มีผู้สั่ง ทำร่ม มากที่สุดคือขนาด 24 นิ้ว แต่เมื่อพับเก็บ ร่มสามตอนจะมีขนาดสั้นและเล็กกว่าโดยเหลือความยาวอยู่ประมาณ 25 เซนติเมตร ส่วนร่มสองตอนจะมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 35 เซนติเมตร แตกต่างกันถึง 10 เซนติเมตร ทำให้เมื่อพับเก็บร่มสามตอนจะมีขนาดเล็กกว่าร่มสองตอน และสามารถเก็บในกระเป๋าที่เล็กกว่าได้ เปลืองเนื้อที่ในการจัดเก็บน้อยกว่า อย่างไรก็ตามยังถือว่าร่มทั้งสองแบบเป็นร่มขนาดเล็ก ที่มีจุดเด่นอยู่ที่น้ำหนักเบา พกพาง่าย ถือไปไหนมาไหนสะดวก เหมาะสำหรับพนักงานออฟฟิต นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่ต้องเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง
ร่มพับสองตอน กับ สามตอน แข็งแรงขนาดไหน
ข้อแตกต่างอีกอย่าง คือ เรื่องของความคงทนแข็งแรง แน่นอนว่า ร่มสองตอน ย่อมมีความแข็งแรงทนทานมากกว่า ร่มสามตอน เนื่องจากมีจำนวนข้อต่อน้อยกว่า จึงทำให้ร่มสองตอนมีโอกาสพังเสียหายได้น้อยกว่าร่มสามตอน รวมถึงการดูแลและเก็บรักษายังน้อยกว่ามาก ทำให้มีอายุการใช้งานที่นานกว่า ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วย แต่ไม่ว่าจะแบบไหนหากเก็บรักษาหรือดูแลไม่ดีก็อาจทำให้อายุการใช้งานสั้นลง สำหรับวิธีการดูแลรักษาให้ร่มทั้งสองแบบมีอายุการใช้งานยาวนานนั้นสามารถทำได้ไม่ยาก เช่น หลังเลิกใช้งานควรเช็ดผ้าร่มให้แห้งในทันที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบสกปรกดูไม่สวยงามและป้องกันไม่ให้โครงร่มเกิดสนิม แต่หากไม่สะดวกควรกางหรือตั้งไว้ให้แห้งจึงค่อยพับเก็บเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสนิม รวมถึงช่วยยืดอายุการใช้งานของผ้าร่มและป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราและแหล่งสะสมของเชื้อโรค อย่างไรก็ตามหากเกิดคราบเหลืองสามารถทำความสะอาดได้โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดหนึ่งส่วนผสมกับน้ำส้มสายชูหนึ่งส่วน เช็ดบริเวณที่เป็นคราบจากนั้นจึงนำไปล้างด้วยน้ำเปล่าอีกรอบก็จะช่วยให้ลบคราบที่อยู่บนร่มได้ สำหรับการเก็บรักษาควรเก็บร่มไว้ในที่แห้งสนิท ปราศจากความชื้น และหากมีปลอกผ้าหรือปลอกพลาสติกติดมาให้ตอนซื้อควรใช้ห่อหุ้มตัวร่มก่อนเก็บเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับผ้าร่ม และไม่แนะนำให้เก็บโดยการตั้งผิงกับผนังหรือวางไว้กับพื้น แต่ให้เลือกเก็บโดยวิธีการแขวนมากกว่า เพื่อคงรูปทรงของร่มให้เป็นปกติที่สุดและรักษาก้านร่มไม่ให้เป็นสนิมหรือชำรุดเสียหายหรือโค้งงอได้ง่าย
ส่วนในเรื่องของดีไซน์และลวดลายนั้นอาจพูดได้ว่าไม่มีความแตกต่างกัน ปัจจุบันมีผลิตออกมาทั้งร่มแบบเรียบ ร่มแบบกลม หรือ ร่มแบบพรีเมียมอย่างร่มขวดที่ได้รับความนิยมมากอยู่ช่วงหนึ่ง สำหรับการผลิต ร่มพับ ในแต่ละแบบนั้นก็ขึ้นอยู่กับกระแสนิยมในช่วงนั้น ซึ่งจะผลิตออกมาให้ทันสมัย ดีไซน์น่ารักทันสมัย มีทั้งแบบสีเดียว สีสลับ ลวดลายการ์ตูน ลายกราฟฟิกสวยๆ หรือ ลายโลโก้ และมาพร้อมฟังก์ชั่นในการป้องกันรังสียูวี ด้วยเหตุนี้ทำให้ร่มกลายเป็นเครื่องประดับเวลาพกพาไม่ต่างจากสินค้าแฟชั่นอื่นๆ นอกจากนั้นยังมีแบบออโต้ที่ใช้งานง่ายเพียงกดปุ่มแล้วจะกางออกและพอกดอีกครั้งร่มจะหดเข้า สร้างความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นร่มแบบมาตรฐานแบบที่ใช้มือเปิดปิดก็ยังคงเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยม เพราะใช้งานง่ายและเป็นรูปแบบที่ทุกคนคุ้นเคย
จะเห็นได้ว่าร่มทั้งสองแบบนั้นมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากชอบถือหรือสะพายกระเป๋าใบเล็กๆ ร่มสามตอนก็ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานได้สะดวกกว่า แต่หากต้องการร่มที่มีความทนทานที่มากกว่าควรเลือกเป็นร่มแบบสองตอนแทน และในส่วนของการใช้งานถือว่าไม่แตกต่างกัน ด้วยเป็นร่มขนาดเล็กทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และเหมาะที่จะใช้ป้องกันแสงแดดมากกว่ากันฝน นอกจากนั้นในปัจจุบันร่มทั้งสองรูปแบบยังนิยมนำไปทำเป็น ร่มสกรีนโลโก้ เพื่อใช้แจกเป็นของชำรวยสำหรับงานสำคัญอย่างงานบวชหรืองานแต่งงาน หรือใช้เป็นของแจกเพื่อส่งเสริมการขายด้วย